มะเขือพวงเป็นพืชประเภทไม้พุ่ม มีความสูงได้ถึง 2 เมตร เมื่ออกดอกจะออกดอกขนาดเล็ก ๆ มีกลีบสีขาวหรือสีม่วง เกสรเป็นสีเหลืองสดและเมื่อออกเป็นผลก็จะเป็นพวงอยู่บนช่อเดียวกัน มีสีเขียวอ่อน เมือเป็นผลอ่อน จากนั้นก็มีผลสีเหลืองเมื่อแก่ และเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อสุก

ประโยชน์
นิยมนำผลอ่อนดิบไปประกอบอาหาร โดยใส่ในแกงต่าง ๆ เช่น แกงป่า แกงเขียวหวาน เป็นต้น หรือไม่ก็ใส่ในน้ำพริกต่าง ๆ อาทิน้ำพริกกะปิ น้ำพริกไข่เค็ม เป็นต้น นอกจากนั้นก็มีคุณสมบัติเป็นยา เมื่อกินเข้าไป ช่วยแก้ไอ ขับปัสสาวะ และย่อยอาหาร

วิธีปลูก
ก่อนที่จำนำเมล็ดพันธุ์ไปปลูก ให้แช่เมล็ดพันธุ์ทิ้งไว้ในน้ำก่อน 1 คืน จากนั้นนำไปเพาะในดินที่ใส่ไว้ในกระบะ พร้อมกับรดน้ำเช้าเย็นแล้วนำไปวางไว้ในที่มีแดดรำไร เลี้ยงจนกระทั่งเมล็ดงอกเป็นต้นสูงประมาณ 7 เซนติเมตร ก็นำไปปลูกลงดินที่ผสมปุ๋ยคอกและแกลบไว้ โดยตั้งไว้ในที่ร่มในช่วงสัปดาห์แรก จนกระทั่งต้นแข็งแรง ตั้งตัวได้ดี จึงนำออกวางกลางแดดตามปกติ
มะเขือเปราะเป็นพืชที่เป็นพุ่มล้มลุก ติดผลให้เก็บเกี่ยวได้ตลอดปี รูปร่างลักษณะต้นจะคล้ายกับมะเขือเทศ แต่ใบของต้นมะเขือเปราะจะใหญ่กว่า ผลก็จะมีสีขาวปนเขียว

ประโยชน์
นิยมนำผลมาประกอบอาหารต่าง ๆ ใส่ในแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน เป็นต้น หรือไม่ก็กินสด หรือลวกเคียงกับน้ำพริก
เมื่อกินเข้าไปจะมีคุณสมบัติเป็นยาช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง และลดระดับคอเลตเตอรอลในเลือด รวมถึงช่วยขับปัสสาวะอีกด้วย
วิธีการปลูก
ก่อนนำเมล็ดพันธุ์ลงในดินให้นำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำทิ้งไว้ก่อน 1 คืน จากนั้นให้เพาะเมล็ดในกระบะดินรดน้ำเช้าเย็น พร้อมเอาออกแดด จนกระทั่งโตมีความสูง 8 เซนติเมตร
จากนั้นเลือเอาต้นที่แข็งแรงสมบูรณ์มาลงในดินที่ผสมปุ๋ยคอกและแกลบไว้ ซึ่งถ้าปลูกในกระถางให้ลงปลุกกระถางละต้นและคลุ่มโคนต้นด้วยฟางหรือหญ้าแห้งไว้ ที่สำคัญช่วงแรก ๆ ควรปลูกไว้ในที่ร่ม หรือที่แดดรำไรจนกระทั่งต้นแข็งแรงตั้งตัวได้ดีจึงอยู่กลางแสงแดดได้ตามปกติ
ตะไคร้เป็นพีชล้มลุก เจริญเติบโตได้นานหลายปี มีรากเป็นฝอยยึดผิวดินได้แน่น

มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เมื่อโตขึ้นจะมีลำต้นเป็นกาบใบ อัดกันแน่นแทงขึ้นมาเหนือดิน สูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ปลายใบจะแหลม และมีขนเล็กน้อยตามใบ มีสีเขียวอ่อน ให้กลิ่นหอม เมื่ออกดอก ดอกจะเป็นช่อ ก้านข่อดอกจะยาว

ประโยชน์
นิยมนำเหง้า กาบใบ และลำต้น มาประกอบอาหาร เพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอม และช่วยดับกลิ่นคาว มักใส่ในยำ พล่าต่าง ๆ เป็นต้น
วิธีปลูก
เตรียมดินที่มีสภาพร่วนระบายน้ำได้ดี ผสมกับปุ๋ยคอกและขุยมะพร้าวไว้ นำต้นตะไคร้ที่สมบูรณ์ดี ตัดรากออก ในส่วนของลำต้นก็ควรตัดให้สั้นลงเหลือสัก 20 เซนติเมตร จากนั้นนำมาปักลงในดินที่เตรียมไว้ โดยปักแต่ละต้นให้ห่างกันเล็กน้อยประมาณ 5 เซนติเมตร รดน้ำสม่ำเสมอให้พอชุ่ม หมั่นตัดแต่งใบที่ยาวรก อยู่เป็นประจำ เมื่อแตกเป็นกอแล้วก็สามารถตัดหน่อ ริม ๆ ไปใช้ได้
ชะมวงเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงมากถึง 10 เมตร กิ่งก้านจะไปแตกอยู่ช่วงบนของลำต้น
มองเห็นเป็นพุ่มกลมโปร่ง เปลือกไม้สีน้ำตาลเข้ม ส่วนใบมีความหนา สีเขียวอ่อน หรือสีเขียวอมม่วงแดง รูปใบจะเรียว ปลายใบแหลม ชอบใบเรียบ ออกเป็นใบเดี่ยวคู่ตรงข้ามกัน เมื่อชิมดูจะมีรสชาติเปรี้ยว ดอกจะออกตามกิ่งมีขนาดเล็กกลีบแข็งสีเหลืองนวล ให้กลิ่นหอมเล็กน้อย เมื่อออกเป็นผล ผลจะมีทรงกลม เนื้อข้างในเหลืองหนามีรสฝาด มี 4-6 เมล็ด
ประโยชน์

ยอดอ่อนนิยมนำมากินสดเคียงกับน้ำพริก หรืออาหารคาวต่าง ๆ ผลสุกให้รสเปรี้ยวจึงมักนิยมนำมาทำอาหาร ที่นิยมกันก็ได้แก่ หมู หรือ เนื้อต้มชะมวง เมื่อกินใบหรือผลชะมวงเข้าไป จะมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพร ช่วยแก้ท้องผูก แก้ไข้ และทำลายเสมหะได้
นอกจากนั้นก็มีประโยชน์ในอุตสาหกรรม โดยใช้ผลและใบแก่มาหมักเพื่อฟอกหนังวัวควาย ส่วนเปลือกต้นและยางใช้เป็นสีย้อมผ้าที่ให้สีเหลือง
วิธีปลูก
ชะมวงสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกสภาพ มีระบบรากที่ลึก ฝั่งแน่นถ้าเอามาลงดินจะได้จะได้ต้นไม้ที่สูงใหญ่ จะใช้ต้นกล้าหรือเพาะเมล็ดปลูกก็ได้ แต่ถ้าเอามาลงกระถางก็จะได้ต้นที่สูงเพียง 25-40 เซนติเมตร ถ้าได้รับแสงแดดที่มากพอ ต้นชะมวงจะแตกยอด และใบอ่อนให้เก็บอยู่เสมอ
ขิงเป็นพืชล้มลุก มีอายุหลายปี ลำต้นเหนือดินคล้ายลักษณะของต้นไพล มีใบเขียว เรียวแคบ ปลายใบแหลมและออกดอกเป็นช่อสีเหลือง
เหง้าขิงที่จะเก็บเกี่ยวนั้นต้องเจริญเติบโตอยู่ในดิน มีเปลือกนอกเป็นสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อข้างในสีขาวนวล เมื่อปลูกได้ 5-6 เดือนก็เริ่มได้เก็บเกี่ยวขิงอ่อนแล้ว ถ้าจะเก็บเกี่ยวขิงแก่ ก็ต้องรอให้ขิงมีอายุ 11-12 เดือน โดยวิธีเก็บเกี่ยวขิงควรเก็บตอนที่ดินชุ่มน้ำ แล้วให้ใช้มือถอนขึ้นมาทั้งกอ ขิงจะได้ไม่้หัก
ประโยชน์
มักนิยมเอาเหง้าขิงไปต้มใส่น้ำตาลแล้วดื่ม หรือไม่ก็นำไปคู่กัับขนมหวาน เช่น บัวลอยน้ำขิง หรือเต้า่ฮวย เป็นต้น ใช้เหง้าขิงสด ทุบให้แตก ต้มน้ำดื่ม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือไข้หวัด ไอ คลื่นไส้อาเจียน
วิธีปลูก
ก่อนนำเหง้าขิงลงดิน ให้เลือกขิงที่แก่อายุ่สัก 10-12 เดือน นำมาผึ่งลมให้แห้ง แล้วหั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ ยาวประมาณ 2 นิ้ว โดยให้มีตาติดอยู่ 2-3 ตา
เตรียมดินที่มีสภาพร่วนปนทราย ผสมปุ๋ยคอกและกากถั่วไว้ จากนั้นให้ขุดหลุมลึกประมาณ 5 เซนติเมตร แล้วนำเหง้าขิงที่เตรียมไว้ลงดิน โดยตั้งด้านที่จะแตกหน่อขึ้น และกลบดินหนา 2-5 เซนติเมตร สุดท้ายใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุม