วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การปลูก มะเขือเทศ (Tomato) พืชผักสวนครัว

มะเขือเทศ เป็นพืชล้มลุก เติบโตได้ 1 ปี มีลักษณะเป็นพุ่ม มีขนอ่อน ๆ ปกคลุมตามกิ่งใบ กิ่งจะแตกออกด้านข้างบริเวณซอกใบ ใบมีลักษณะหงิกงอ สีเขียวอ่อน



เนื้อใบนิ่ม เมื่อออกดอก จะออกเป็นดอกเดี่ยว และออกเป็นช่อมีสีเหลืองตามบริเวณซอกใบ จากนั้นก็จะออกผลมามีรูปร่างทั้งกลม กลมแบน หรือกลมรี จะมีสีเขียวหรือสีเขียวอมเทาเมื่อเป็นผลอ่อน และจะมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดงเมื่อผลสุก



ประโยชน์

นิยมนำผลสุกมาประกอบอาหาร และทำเครื่องดื่ม อาทิ น้ำมะเขือเทศ สลัด ยำ เป็นต้น นอกจากนี้นิยมฝานเป็นแว่นพอกที่ผิวรักษาอาการผิวไหม้ และเป็นสิว

ที่สำคัญยังให้คุณสมบัติเป็นยาสมุนไพร เมื่อกินเป็นประจำจะช่วยในการขับสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย และช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร ให้ทำงานได้ดีขึ้น

วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพสมบูรณ์ไปด้วยธาตุอาหาร และระบายน้ำได้ดี จากนั้นเลือกหาต้นพันธุ์ ที่ไม่ต้องสูงนัก มาลงดินที่เตรียมไว้แล้วให้หาหลักมาปักเพื่อยึดลำต้นให้ตรง เสร็จแล้วรดน้ำพอชุ่มไม่ต้องแฉะท่วมขัง วันละ 2 ครั้ง หมั่นคอยตัดแต่งใบเน่าเสียทิ้ง และคอยใส่ปุ๋ยเมื่อต้นเริ่มแห้งโทรม

การปลูก มะกอก (Hog Plum,Wild Mango)

มะกอกเป็นพืชชนิดยืนต้น มีขนาดสูงได้มากถึง 20 เมตรตามบริเวณกิ่งก้านและก้านจะมีช่องสีขาวนาล ลำต้นสีเทา ใบจะออกเป็นใบระกอบเหมือนขนนก ออกเรียงสลับกัน



รูปร่างใบจะเป็นทรงรี ปลายแหลม เมื่อออกดอกจะออกเป็นช่อขนาดใหญ่ โดยจะออกตามซอกใบ หรือลายกิ่ง ดอกจะมีสีขาวขนาดเล็ก และเมื่อเป็นผล ผลก็จะมีขนาดเล็กคล้ายไข่ เมล็ดกลมโต เนื้อฉ่ำน้ำมีรสเปรี้ยว



ประโยชน์

นิยมนำทั้งใบอ่อนและแก่ มากินแกล้มกับน้ำพริกต่าง ๆ และลาบ เป็นต้น นอกจากนั้นก็นำใบมาคั้นเอาน้ำหยอดหู เพื่อแก้ปวดหู ส่วนผลเมื่อกินแล้วแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้บิด และทำให้ชุ่มคอ เพราะเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยวิตามมินซีสูง


วิธีปลูก


เตรียมดินที่มีสภาพร่วนสมบูรณ์ด้วยธาตุอาหาร แล้วใช้การเพราะเมล็ดหรือการปักชำกิ่ง โดยถ้าปลูกลงในกระถามให้ใช้ 1 เมล็ดต่อ 1 กระถาง แล้วปลูกเลี้ยงด้วยการรถน้ำ ใส่ปุ๋ยเป็นช่วง ๆ พร้อมนำออกแดด ระมาณ 2 เดือนก็จะเริ่มงอก และเมื่อครบ 1 ปี จะเริ่มแตกใบอ่อน ให้เก็บใช้ได้

การปลูก มะกรูด (Leech Lime, Kaffin) พืชผักสวนครัว

มะกรูดเป็นพืชผักชนิดยืนต้นขนาดเล็ก มีหนามตามลำต้น ลักษณะโดยทั่วไปจะเป็นพุ่ม ถ้าลอกเปลือกลำต้นออกจะได้เป็นแผ่นเหนียวและกลิ่นหอมเฉพาะ



ใบจะออกมามีสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม พร้อมด้วยกลิ่นหอม มักมีใบเล็ก ๆ ขนาด 10 เซนติเมตร เมื่อออกดอกจะออกมาเป็นสีขาว และเมื่อกลายเป็นผลก็จะมีผลกลมแต่ผิวขรุขระ เนื้อในฉ่ำน้ำ มีรสเปรี้ยว มีต่อมน้ำมันให้กลิ่นหอม

ประโยชน์

นิยมนำใบ และผิวมะกรูด มาประกอบอาหารต่าง ๆ เช่น แกงเผ็ดต่าง ๆ ทอดมัน เป็นต้น นอกจากนี้นิยมใช้ผลมะกรูดปอกเลือกเผาไฟ คั้นน้ำ เอามาสระผมบำรุงรักษาเส้นผม

ใบมะกรุดอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ดังนั้นเมื่อกินเข้าไปจึงช่วยในการต้านมะเร็งได้ดียิ่ง

วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุ อาจจะผสมปุ๋ยคอกและมะพร้าวสับลงไป จากนั้นใช้เมล็ดพันธุ์ มาปลูกลงในดินหรือไม่ก็ใช้ต้นกล้าเล็ก ๆ สัก 1-3 ต้น มาลงต่อ 1กระถาง เสร็จแล้ว ควรหาหลักไม้มาปัก เพื่อยึดลำต้นให้ตรงเสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่มพร้อมตั้งให้ถูกแสงเป็นประจำ เมื่อแตกใบอ่อนก็สามารถเก็บมาใช้ได้




การปลูก พริกต้ม (Cherry Pepper)

พริกตุ้มเป็นไม้ล้มลุก มีความสูงได้ประมาณ 1 เมตร ต้นสามารถแตกกิ่งก้านเล็ก ๆ ออกได้จำนวนมาก โดยกิ่งที่แตกออกจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมสีเขียว ใบจะออกเป็นใบเดี่ยวเรียงตัวเวียนรอบกิ่ง



รูปใบจะเรียวรีเล็ก ๆ ปลายใบแหลม สีเขียวเข้ม เมื่อออกดอก จะออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ โดยดอกจะมีกลีบ 5 กลีบ มีสีขาว หรือสีขาวอมม่วง และเมื่อออกเป็นผลก็จะเป็นพริกตุ้ม ที่จะมีสีขาวหรือขาวอมเขียวเมื่อตอนอ่อน และเป็นสีแดงหรือเหลืองส้มเมื่อตอนสุก เมล็ดภายในจะแบบมีสีขาว

ประโยชน์



นิยมนำมาปรุงอาหารให้มีรสชาติเผ็ด เหมือนกับพริกขี้หนู นอกจากนั้นก็ให้คุณสมบัติคล้ายคลึงกับพริกขี้หนู ส่วนใหญ่พริกตุ้มจะถูกนำมาปลูก เพื่อประดับให้สวยงามมากกว่าประโยชน์

วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วน ผสมกับปุ๋ยคอกและขุยมะพร้าวไว้ จะใช้การเพาะเมล็ดหรือการปลูกจากต้นกล้าก็ได้

จากนั้นให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับให้โดนแดดทุก ๆ วัน เป็นประจำเป็นประจำ พร้อมทั้งตัดแต่งให้เป็นพุ่ม ควรใส่ปุ๋ยคอกบำรุงอยู่เสมอ ๆ เพื่อการติดยอดและเมล็ด

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การปลูก พริกขี้หนู (Chili, Cayenne Pepper)

พริกขี้หนูเป็นพืชผักชนิดไม้พุ่ม มีความสูงได้ถึง 1.5 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านเป็นสี่เหลี่ยมสีเขียว แตกยอดเรียวเล็กจำนวนมากออกใบเป็นใบเดี่ยวรอบกิ่ง ลักษณะใบจะเล็กปลายใบแหลม



เมื่อออกดอกจะเป็นดอกเดี่ยว ตามข้อของลำต้น มีสีขาว 5 กลีบ และเมื่อเป็นผลก็คือพริกขี้หนู มีขนาด และรูปร่างต่างไปตามพันธุ์ มีสีเขียวตอนเป็นผลแก่ และจะเป็นสีส้ม สีแดงเมื่อโตเต็มที่

ประโยชน์

นิยมนำไปปรุงรสอาหาร ให้มีรสเผ็ดร้อน และเพิ่มสีสันของอาหารให้ดูน่ากินมากขึ้น



นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพร เพราะมีสาร"แคบไซซิน" ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง และช่วยให้เลื่อดไหลเวียนได้ดีขึ้น

วิธีปลูก

เตรียมดินที่ผสมปุ๋ยคอกหรือขุยมะพร้าวไว้ จากนั้นจะใช้วิธีเพาะเมล็ด หรือเลือกเอาต้นกล้าที่แข็งแรงมาปลูกก็ได้



ถ้าใช้การเพาะเมล็ดลงในแปลง ให้เลี้ยงจนโตสูงสัก 5-10 เซนติเมตร หรือพอมีใบแล้วประมาณ 10 ใบจึงค่อยถอนเอาต้นที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง หมั่นรดน้ำและตัดแต่งกิ่งให้เป็นพุ่ม พร้อมใส่ปุ๋ยเสมอ ๆ เพื่อจะได้แตกยอด และติดเมล็ด

การปลูก ผักหวานบ้าน (Sauropus androgynus)

ผักหวานบ้านเป็นไม้พุ่ม มีความสูงได้ถึง 2 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาออกมา ออกใบมาเป็นใบเดี่ยวแบบสลับ



ก้านใบสั้น ใบเป็นสีเขียว ส่วนกิ่งก้านจะมีสีเขียวปนเทา รูปร่างของใบจะเป็นทรงรี ปลายใบแหลม ขอบใบจะขนานกันและเรียบ เนื้อใบมีคราบนวลขาว ๆ ที่ด้านบนของใบ ใบไม่แข็ง

เมื่อออกดอก ดอกจะออกตามชอกใน ออกมาเป็นทั้งแบบกระจุกและแบบดอกเดี่ยว มีสีม่วงแดงหรือไม่ก็สีเขียวอ่อน จากนั้นเมื่อเป็นผลลักษณะของมันจะมีขยาดเล็ก คล้า่ยลูกมะยม มีสีขาวนวลหรือสีขาวอมชมพู



ประโยชน์

นิยมนำยอดอ่อน ใบอ่อน และลูกอ่อนมาต้ม นึ่ง ลวก หรือผัดให้พอสุก กินจิ้มกับน้ำพริก หรือไม่ก็ใช้ประกอบอาหารเป็นแกงต่าง ๆ เมื่อกินผักหวานบ้านเข้าไปแล้ว ก็จะมีคุณสมบัติเป็นยาช่วยในการแก้ไข้ และมีฤทธิเป็นยาเย็น



วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนระบายน้ำได้ดี ผสมปุ๋ยคอกพรวนเตรียมไว้ จากนั้นเพาะเมล็ดพันธุ์ลงในแปลงปลูก หรือในกระถาง หรือไม่ก็ใช้วิธีปักชำกิ่งก็ได้

เสร็จแล้วรดน้ำให้พอชุ่มวันละ 2 ครั้ง ถ้าปลูกมนกระถางก็ควรนำออกแดดทุกวัน จนเมื่อเจริญเติบโต ควรหมั่นตัดแต่งเพื่อให้แตกยอดอยู่เสมอ และเมื่อต้นแตกยอดอ่อนก็สามารถเก็บยอดอ่อนมาประกอบอาหารได้

ทั้งนี้เมื่อสังเกตว่าต้นเริ่มโทรมก็ให้ใส่ปุ๋ยชนิดเร่งใบพร้อมกับพรวนดินที่โคนต้น

การปลูก ผักบุ้งจีน (Water Spinac, Kang - Kong)

ผักบุ้งจีนเป็นพืชล้มลุก เติบโตได้ฤดูเดียว สามารถแตกยอดได้ยาวมากถึง 1 เมตร หรือมากกว่านั้น ขึ้ยอยู่กับความสมบูรณ์ของดิน รากก็จะแตกไปตามผิวดิน ลักษณะของใบจะแตกออกไปเป็นใบรูปเดี่ยวรูปร่างของใบจะเรียวคล้ายหอก ปลายใบแหลม ขอบใยเรียบ มีสีเขียวทั้งใบและลำต้น โดยลำต้นจะกลวง เมื่อออกดอกจะมีสีขาว



ประโยชน์

นิยมนำมาประกอบอาหารต่าง ๆ ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด หรือไม่ก็นำมากินเป็นผักสดเคียงกับน้ำพริก หรืออาหารที่มีรสชาติเผ็ดต่าง ๆ เมื่อกินผักบุ้งจีนเข้าไปก็จะมีคุณสมบัติเป็นยาช่วยบำรุงสายตา เสริมภูมิต้านทาง และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด



วิธีปลูก

ผักบุ้งเป็นผักที่โตเร็ว และมีรากที่ตื้น จะงามได้ดี ถ้าปลูกลงในดิรที่มีแร่ธาตุอาหารสมบูรณ์ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นดินร่วน ดินเหนียว หรือดินทราย ผักบุ้งก็สามารถเจริญเติบโตได้หมด

ก่อนที่จะปลูกผักบุ้งก็ให้ไถพรวนดินที่เตรียมไว้ แล้วจึงโรยเมล็ดพันธุ์ลงไปให้เป็นแถว จากนั้นเมื่อผักบุ้งโตขึ้นจนแตกใบ ก็ให้ถอนต้นที่ไม่แข็งแรงทิ้งเสีย เว้นระยะให้ห่างกัน อย่าให้ต้นผักบุ้งอยู่ชิดกันแน่น หมั่นสังเกตเมื่อยอดผักบุ้งแตกใหม่ ไม่เจริญเติบโตเต็มที่ควรใส่ปุ๋ยบำรุง

การปลูก ผักชีฝรั่ง (Fennel)

ผักชีฝรั่งเป็นพืชผักประเภทล้มลุก มีอายุได้ 2 ฤดูมีความสูงเหนือพื้นดินประมาณ 10-30 เซนติเมตร ลำต้นอ่อนดูอวบน้ำ ออกใบตรงยอดเป็นกระจุก



ใบมีสีเขียว กลิ่้นหอม เนื้อใบค่อนข้างหนา จะเรียงเวียนสลับอยู่รอบต้น ลักษณะเด่นของใบผักชีฝรั่ง คือใบเรียวยาว ตรงกลางป่อง ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย เมื่อออกดอก จะออกดอกเป็นช่ิอที่ปลายกิ่ง ลักษณะดอกเป็นดอกขนาดเล็ก ทรงกระบอก มีสีขาว

ประโยชน์

นิยมใช้ใบผักชีฝรั่งมาซอยใส่อาหาร เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และรสชาติที่กล่อมกล่อมขึ้น มักซอยใส่ในต้มยำ
หรือลาบ เป็นต้น หรือไม่ก็นิยมกินเป็นผักแกล้มกับขนมจีน หรือแกงเผ็ดต่าง ๆ



เมื่อกินผักชีฝรั่งเข้าไปก็จะมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตา และัภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น

วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนซุย หรือดินเหนียวก็ได้ แล้วผสมกับปุ๋ยคอกและขุยมะพร้าวไถพรวนไว้ จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ โรยลงไปในแปลงหรือกระถางปลูก หรือไม่ก็ใช้ต้นที่แข็งแรง ที่ชื้อมาจากตลาดก็ได้ แล้วเลือกใช้แต่ใบที่ติดโคนต้นอยู่ มาปักลงดินที่ทำไว้

เสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่มวันละ 2 ครั้ง พร้อมให้แสงแดดส่องถึงจนกระทั่งผักชีฝรั่งโตขึ้นแตกใบอ่อน ก็สามารถดึงใบล่าง ๆ มาปรุงอาหารได้แล้ว

การปลูก ผักกาดหอม (Lettuce)

ผักกาดหอม เป็นพืชผักที่มีใบใหญ่ ขอบใบหยักเป็นจุดเด่น ซึ่งใบจะแตกออกมา จากลำต้นโดยรอบ เส้นของใบจะเห็นได้ชัดเจน ใบจะมีสีตั้งแต่ เขียวอ่อน เขียวปนเหลือง จนถึงเขียวแก่





ผักกาดหอมจะฝังรากเป็นรากแก้ว มีลำต้นสีขาวอวบตั้งตรง ใบจะแตกออกตามข้อของลำต้น โดยจะหุ้มกันเป็นชั้น ๆ ไล่จากไปแก่ไปหาใบอ่อนข้างใน

ประโยชน์

นิยมใช้ใบสด ๆ มาประกอบอาหาร หรือกินเป็นผักสดเคียงกับยำ สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ หรือใส่เป็นผักสลัด หรือไม่ก็ใช้ใบใส่เพื่อเพิ่มความสวยงามในอาหารจานต่าง ๆ



นอกจากนั้นเมื่อกินเข้าไป ผักกา้ดหอมก็จะให้คุณสมบัติเป็นยาที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนต์สูง เมื่อกินประจำจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้

วิธีปลุก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนซุยดี ผสมปุ๋ยคอกไว้ ยกแปลงและไถแปลง พร้อมสำหรับการหว่านเมล็ด จากนั้นให้ใช้เมล็ดพันธุ์หว่านลงบนแปลงให้ทั่ว พยายามให้เมล็ดเรียงตัวกันแน่น เสร็จแล้วก็รดน้ำโดยใช้ผักบัวฝอยละเอียด ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่แดดจัด ก็ควรมีการคลุมแปลงไว้

เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกมีใบจริงให้เห็นสัก 2-3 ใบ ก็ให้ทำการถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง และจัดระเบียบแปลง อย่าให้ผักกาดหอมอยู่ชิดกันเกินไปนัก

การปลูก ตำลึง (Ivy Gourd)

ตำลึงเป็นผักที่ขึ้นได้ง่ายตามริมรั้วบ้านทั่วไป เป็นผักชนิดไม้เถา มีสีเขียว ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวสลับกันไปตามเถา มีรูปคล้ายรูปหัวใจ มีขอบใบหยิกเล็กน้อย



เมื่อออกดอกจะออกเป็นดอกเดี่ยวที่ซอกใบ มีสีขาวทรงกระบอก และเมื่อกลายเป็นผล มีลักษณะรูปร่างคล้ายแตงกวา แต่มีขนาดเล็กกว่า พอสุกก็จะกลายเป็นสีแดงสด ทั้งเนื้อในและเปลือกนอก สามารถกินได้



ประโยชน์

นิยมนำใบมาเป็นอาหาิร เช่น แกงจืด แกงเลียง หรือลวกกินกับน้ำพริก นอกจากนั้นเมื่อกินเข้าไปก็ให้ผลเป็นยาช่วยในการแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดไข้ตัวร้อน หรือไม่ก็า่ท่รถนำใบหรือรากสดมาตำแล้วพอกตรงแผลอักเสบ เพื่อบรรเทาอาการอักเสบได้



วิธีปลูก

จริง ๆ แล้วตำลึงมักจะขึ้นเองตามริมรั้ว แต่ถ้าปลูกให้ใช้เมล็ดจากผลสุก มาหยอดลงในหลุมที่มีดินสภาพร่วนซุย ผสมปุ๋ยคอกแล้วขุดหลุมเตรียมไว้ จากนั้นเมื่อต้นกล้าเริ่มงอก ให้หาไม้มาปักเป็นหลักเพื่อให้เถาตำลึงเลี้อยพัน โดยปักให้พิงกันกับรั้วทะแยงมุมสัก 45 องศา ที่สำคัญควรหมั่นรดน้ำเช้าเย็น และเด็ดยอดให้เสมอ ๆ เพื่อการเกิดยอดใหม่มาแทน


วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตะไคร้ (Lemon grass)

ตะไคร้เป็นพีชล้มลุก เจริญเติบโตได้นานหลายปี มีรากเป็นฝอยยึดผิวดินได้แน่น



มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เมื่อโตขึ้นจะมีลำต้นเป็นกาบใบ อัดกันแน่นแทงขึ้นมาเหนือดิน สูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ปลายใบจะแหลม และมีขนเล็กน้อยตามใบ มีสีเขียวอ่อน ให้กลิ่นหอม เมื่ออกดอก ดอกจะเป็นช่อ ก้านข่อดอกจะยาว



ประโยชน์

นิยมนำเหง้า กาบใบ และลำต้น มาประกอบอาหาร เพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอม และช่วยดับกลิ่นคาว มักใส่ในยำ พล่าต่าง ๆ เป็นต้น

วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนระบายน้ำได้ดี ผสมกับปุ๋ยคอกและขุยมะพร้าวไว้ นำต้นตะไคร้ที่สมบูรณ์ดี ตัดรากออก ในส่วนของลำต้นก็ควรตัดให้สั้นลงเหลือสัก 20 เซนติเมตร จากนั้นนำมาปักลงในดินที่เตรียมไว้ โดยปักแต่ละต้นให้ห่างกันเล็กน้อยประมาณ 5 เซนติเมตร รดน้ำสม่ำเสมอให้พอชุ่ม หมั่นตัดแต่งใบที่ยาวรก อยู่เป็นประจำ เมื่อแตกเป็นกอแล้วก็สามารถตัดหน่อ ริม ๆ ไปใช้ได้



การปลูก ต้นหอม (Shallot)

ต้นหอมเป็นพืชผักประเภทล้มลุก เจริญเติบโตได้หลายปี มีใบชูเหนือพื้นดินประมาณ 30-50 เซนติเมตร มีหัวเป็นลำต้นอยู่ใต้ดิน สีม่วงอมแดง



ภายในหัวนั้นมีหัวขนาดเล็กรวมกัน หุ้มด้วยเปลือกบาง ๆ อยู่ภายนอก และมีใบสีเขียวหนา ๆ อวบน้ำเรียงกันอยู่ ให้กลิ่นที่ฉุนเฉพาะตัว ใบเป็นสีเขียวกลวงยาว เมือออกดอกจะเป็นช่อ มีสีขาวหรือม่วงอ่อน



ประโยชน์

นิยมนำไปประกอบอาหาร เพื่อเพิ่มความหอม รสชาติ และสีสันที่น่ากินมากขึ้น หรือไม่ก็นิยมใช้เป็นผักกินสดเคียงกับอาหารต่าง ๆ

เมื่อกินต้นหอมเข้าไปในร่างกายก็จะได้รับสารเบต้าแคโรทีน สารฟลาโวนอยด์ แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยในการต้านมะเร็ง ลดคอลเลสเตอรอล ควบคุมความดัน และป้องกันหลอกเลือดหัวใจอุดตัน

นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นยา โดยการนำต้นหอมไปบุบพอกตรงที่ถูกแมลงกัดต่อย ระงับปวดได้ และถ้าเอาไปสูดดม ช่วยแก้อาการคัดจมูกได้เป็นอย่างดี

วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วน ผสมด้วยเปลือถั่ว หรือแกลบไว้ นำหัวต้นหอม มาปลูกในดินที่เตรียมไว้ โดยปลูกห่างกันกอละ 5-10 เซนติเมตร สุดท้าย คลุมด้วยฟาง หรือหญ้าแห้ง รดน้ำพอชุ่ม เมื่อแตกใบก็สามารถตัดใบไปประกอบอาหารได้




วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ชะมวง (Guttiferae)

ชะมวงเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงมากถึง 10 เมตร กิ่งก้านจะไปแตกอยู่ช่วงบนของลำต้น




มองเห็นเป็นพุ่มกลมโปร่ง เปลือกไม้สีน้ำตาลเข้ม ส่วนใบมีความหนา สีเขียวอ่อน หรือสีเขียวอมม่วงแดง รูปใบจะเรียว ปลายใบแหลม ชอบใบเรียบ ออกเป็นใบเดี่ยวคู่ตรงข้ามกัน เมื่อชิมดูจะมีรสชาติเปรี้ยว ดอกจะออกตามกิ่งมีขนาดเล็กกลีบแข็งสีเหลืองนวล ให้กลิ่นหอมเล็กน้อย เมื่อออกเป็นผล ผลจะมีทรงกลม เนื้อข้างในเหลืองหนามีรสฝาด มี 4-6 เมล็ด

ประโยชน์



ยอดอ่อนนิยมนำมากินสดเคียงกับน้ำพริก หรืออาหารคาวต่าง ๆ ผลสุกให้รสเปรี้ยวจึงมักนิยมนำมาทำอาหาร ที่นิยมกันก็ได้แก่ หมู หรือ เนื้อต้มชะมวง เมื่อกินใบหรือผลชะมวงเข้าไป จะมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพร ช่วยแก้ท้องผูก แก้ไข้ และทำลายเสมหะได้

นอกจากนั้นก็มีประโยชน์ในอุตสาหกรรม โดยใช้ผลและใบแก่มาหมักเพื่อฟอกหนังวัวควาย ส่วนเปลือกต้นและยางใช้เป็นสีย้อมผ้าที่ให้สีเหลือง

วิธีปลูก

ชะมวงสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกสภาพ มีระบบรากที่ลึก ฝั่งแน่นถ้าเอามาลงดินจะได้จะได้ต้นไม้ที่สูงใหญ่ จะใช้ต้นกล้าหรือเพาะเมล็ดปลูกก็ได้ แต่ถ้าเอามาลงกระถางก็จะได้ต้นที่สูงเพียง 25-40 เซนติเมตร ถ้าได้รับแสงแดดที่มากพอ ต้นชะมวงจะแตกยอด และใบอ่อนให้เก็บอยู่เสมอ

กะหล่ำปลี (Cabbage)

กะหล่ำปลีเป็นผักที่อยู่ในตระกูลกะหล่ำ มีลักษณะแตกต่างกันตามสายพันธุ์ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดดังนี้




- กะหล่ำปลีธรรมดา มีลักษณะหัวกลม หรือแหลมเป็นรุปหัวใจ และมีความแบน มีสีตั้งแต่เขียวอ่อนไปจนถึงเขียวส้ม กะหล่ำปลีชนิดนี้ค่อนข้างทนร้อน และเมื่ออายุได้ 50-60 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว
-กะหล่ำปลีใบย่น สังเกตดูใบจะเห็นได้ชัดเจนว่าที่ผิวใบจะหยิกย่น และมักพบเห็นได้ในพื้นที่ปลูกที่มีอากาศหนาว
-กะหล่ำปลีแดง กะหล่ำปลีชนิดนี้ ก็เช่นกันมักพบได้ตามเขตที่มีอากาศหนาวเย็น จุดสังเกตก็คือ หัวค่อนข้างกลม ประกอบกับใบมีสีม่วงหรือม่วงปนแดง เมื่อปลูกได้ประมาณ 90 วัน จึงสามารถเก็บเกี่ยวได้



วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนระบายน้ำได้ดี ขุดดินให้ลึกสัก 20 เซนติเมตร พร้อมกับตากทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ จากนั้นผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แต่ถ้าดินในพื้นที่นั้น ๆ เป็นดินทราย หรือดินเหนียวก็ควรใส่ปุ๋ยให้มากขึ้น ยกแปลงปลูกโดยยกให้แต่ละแปลงให้ห่างกันสัก 30 เซนติเมตร




กะหล่ำปลี จะใช้วิธีหว่านเมล็ด แล้วค่อยถอนแยกเอาต้นที่ไม่สมบูรณ์ออก หรือใช้วิธีเอากล้ามาลงแปลงก็ได้ โดยวิธีการหว่านเมล็ดนั้นเมื่อหว่านเสร็จแล้ว ก็ควรกลบด้วยดินผสมปุ๋ยคอก รดน้ำด้วยบัวฝอยละเอียด จากนั้นคลุมด้วยฟางเป็นขั้นตอนสุดท้าย หมั่นรดน้ำทุกวัน และคอยกำจัดแมลงศัตรูพืชเป็นประจำ

ส่วนวิธีย้ายต้นกล้า ให้เลือกเอาต้นกล้าที่อายุได้ 30 วันรดน้ำกล้าให้ชุ่ม ใช้เสียมแทงลงไปในดินแล้วงัดขึ้นมาให้ดินเป็นก้อนติดกับต้นกล้า เด็ดเอาใบเสียออกก่อนเอาลงดิน จากนั้นขุดหลุมให้กว้างไม่ต้องให้ลึกมาก จับใบเลี้ยงใบแรกคูใดก็ได้หย่อนลงดิน แล้วกลบให้แน่นพอสมควร รดน้ำรอบ ๆ ต้นเท่านั้น แล้วบังแดดไว้ประมาณ 3-4 วันจึงเอาออก

รดน้ำทุกวันวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยไม่ควรรดน้ำให้ขังแฉะบนแปลงปลูก และค่อย ๆ ลดการรดน้ำลงให้เหลือวันละครั้ง เมื่อกะหล่ำปลีเข้าปลีเต็มที่ หรือเมื่อมีอายุได้ 2-3 สัปดาห์ไปถึง 1 สัปดาห์ก่อนเก็บเกี่ยว

การใส่ปุ๋ยให้ใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจน และโปแตสเซียมสูงโดยโรยข้าง ๆ ต้นกะหล่ำปลี และให้ใส่เมื่อ
กะหล่ำปลี อายุได้ 20 วันและ 40 วัน ที่สำคัญไม่ควรใส่ปุ๋ยให้ไปเลอะตามยอดและใบ และควรงดน้ำ 1 วันก่อนใส่ปุ๋ย เมื่ิอใส่ปุ่ยในตอนเช้าแล้วตอนเย็นค่อนรดน้ำให้ชุ่ม แต่ถ้าให้ปุ๋ยน้ำควรรดน้ำตามทันที

การเก็บเกี่ยวให้เก็บกะหล่ำปีในเวลาเช้าหรือเวลาเย็น และไม่ควรรดน้ำก่อนใช้มีดคม ๆ สะอาด ๆ ตัดที่โคนต้นให้ขาดในทีเดียว และเพื่อเก็บให้ได้นานขึ้น ควรตัดให้ติดใบนอกที่หุ้มติดมาด้วย

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

แคบ้าน (Vegetable humming bird, Sesban) พืช ผักสวนครัว

แคบ้านเป็นพืชผักที่มีการเจริญเติบโตเร็ว แตกกิ่งก้านออกมาก รูปใบมีลักษณะคล้ายกับใบมะขาม โดยแต่ละก้านจะมีใบย่อยออกเรียงสลับกันประมาณ 10-30 คู่ เมื่อถึงเวลาออกดอกจะออกเป็นดอกเดี่ยว และเป็นช่อที่ปลายยอด และตามซอกใบ มีดอกสีขาว โคนก้านดอกเป็นสีเขียวคล้ายรูปถ้วย และเมื่อออกผลจะมีรูปร่างเป็นฝักแบน ยาวประมาณ 8-15 เซนติเมตรแล้วเมื่อแก่จัดจะแตกออกเป็น 2 ซีก



ประโยชน์

นิยมนำยอดอ่อน ใบอ่อน ไปลวกเป็นผักเคียงคู่กับอาหารหรือน้ำพริกต่าง ๆ ดอกอ่อนก็เช่นกัน แต่ดอกอ่อนสามารถนำไปทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น แกงส้มดอกแค ต้มจืดคอกแค เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อลดความขมในการนำไปประกอบอาหาร ควรเด็ดเกสร ข้างในทิ้งก่อน

นอกจากนั้นแคบ้านไม่ว่าจะเป็นยอดอ่อน ใบอ่อน ดอก หรือว่าผักอ่อน เมื่อกินเข้าไปจะมีสรรพคุณเป็น ยา สามารถช่วยแก้ไข้หัวลมได้



วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนซุย ผสมกับปุ๋ยคอกและขุยมะพร้าว หรือต้นกล้า มาปลูกลงในดินดังกล่าว ถ้าปลูกลงในกระถาง ควรนำออกมาวางในที่โล่ง เพื่อให้โดนแดดตลอดทั้งวัน เพราะแดดจะช่วยทำให้ต้นแคออกดอกได้มากขึ้น ทั้งนี้ก็ควรรดน้ำอย่างเพียงพอวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้า และเย็น

คะน้า (Collard) พืช ผักสวนครัว

คะน้าเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกับกะหล่ำ มีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกัน โดยคะน้าที่นิยมก็เป็นพันธุ์คะน้าใบกลม คะน้าใบแหลม และคะน้ายอดหรือคะน้าก้าน



ลักษณะทั่วไปของคะน้าก็คือมีลำต้นสีเขียวอ่อนออกเหลือง ใบมีสีเขียวแก่ มีควมาสูงจากพื้นดิน 20 -25 เซนติเมตร ทั้งใบและลำต้น สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งหมด อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุสูง



วิธีปลูก

เตรียมดินปลูกที่มีสภาพร่วนปนทราย พร้อมผสมกับปุ๋ยคอก แล้วพรวนดินขุดให้ลึก 15 -20 เซนติเมตร พร้อมกันนั้นควรตากดินทิ้งไว้อีกประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นพรวนหน้าดินให้ละเอียด แล้วใช้เมล็ดพันธุ์หว่านให้ทั่วแปลง ควรหว่านให้ห่างกันพอสมควร คิดเป็นอัตราโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 2 กิโลกรัมต่อไร เมื่อหว่านเสร็จแล้วให้ใช้ดินผสมปุ๋ยคอกกลบให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตร สุดท้ายกลบหน้าดินด้วยฟางหรือใบหญ้าแห้งอีกที

การให้น้ำควรใช้บัวรดน้ำหรือฉีดแบบน้ำแบบฝอย ฉีดน้ำให้ทั่วจนชุ่ม วันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและช่วงเย็น ส่วนปุ๋ยให้ใส่ที่มีธาติไนโตรเจนสูง และใส่เมื่อคะน้ามีอายุ 20 และ 30 วัน คะน้ามีอายุ 45-55 วันหลังจากปลูก ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว โดยใช้มีดคม ๆ มาตัดให้ชิดโคน

ข่า (Galanga) พืช ผักสวนครัว

ข่าเป็นพืชผักประเภทล้มลุก เติบโตได้นานหลายปี ใบและกาบใบเป็นส่วนที่อยู่เหนือพื้นดิน ออกมาเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปใบมีลักษณะยาวรี สีเขียวเข้มเป็นมัน



มีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม วัดความสูงเหนือพื้นดินโดยเฉลี่ยประมาณ 1-2 เมตรจะออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด มีสีขาวนวล และเมืี่อกลายเป็นผล จะมีลักษณะกลมสีแดงส้ม รสชาติเผ็ดร้อน

ในส่วนที่อยู่ใต้ดิน จะเป็นลำต้น เรียกว่าเหง้า มีเปลือกสีน้ำตาลอ่อน ลายข้อปล้องชัด เนื้อด้านในสีขาว กลิ่นหอมฉุนให้รสชาติขมและเผ็ดร้อน



ประโยชน์

มักนิยมนำเหง้ามาทำเครื่องเทศ ปรุงงอาหาร ให้กลิ่นที่หอมขึ้น และดับกลิ่นคาวจากเนื้อสัตว์ หรือไม่ก็ใส่ในน้ำพริกเครื่องแกงต่าง ๆ

ในส่วนของดอกอ่อนและลำต้นอ่อน นิยมนำมาเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริกหรืออาหารทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ก็ยังให้ปนะโยชน์เป็นยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ บรรเทาอาการท้องเดิน และอาการคลื่นไส้อาเจียน



วิธีปลูก

เตรียทดินที่มีสภาพร่วนระบายน้ำได้ดี ผสมกับแกลบหรือปุ๋ยคอกไว้ เลือกเหง้าข่าที่แก่และมีตาติดอยู่ หรือไม่ก็หน่อต้นข่าเล็ก ๆ มาปลูกลงไปในดินที่เตรียมไว้ ถ้าปลูกโดยใช้หน่อก็ควรหาไม้มาค้ำเพื่อตั้งลำต้นให้ตรง จากนั้นก็รดน้ำพอชุ่มอย่างสม่ำเสมอไปให้ขาดก็จะได้ข่าคุณภาพดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องฉีดพ่นยาหรือกำจัดศัตรูพืชแต่อย่างใด เพราะข่าเป็นพืชผักที่ไม่มีแมลงใด ๆ มารบกวน


ขึ้นฉ่าย (Celery) พืช ผักสวนครัว

ขึ้นฉ่ายเป็นพืชผักประเภทล้มลุก มีอายุ 1 ฤดู ลำต้นและใบเติบโตขึ้นเหนือพื้นดิน โดยมีความสูงมากถึง 30-50 เซนติเมตร ลักษณะของใบและลำต้นมีสีเขียวอ่อน ลำต้นกลวง และมีเหลี่ยม



ใบจะออกมามีลักษณะย่น ๆ มีขอบใบเป็นหยัก ๆ ปลายใบแหลม เมื่อถึงเวลาออกดอก ก็จะออกดอกเป็นช่อคล้ายซี่ร่มดอกย่อยเล็ก ๆ ภายในช่อจะมีสีขาว และเมื่อกลายเป็นผลจนแห้งแตกภายในก็จะมีลูกกลม ๆ รี ๆ เล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนมีกลิ่นหอม

ประโยชน์

มักใช้ใบและก้านไปประกอบอาหารต่าง ๆ เช่น สุกี้ หรือปลานึ่ง เป็นต้น เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอมของอาหาร นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพร เมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะช่วยป้องกันมะเร็ง รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ โรคหัวใจขาดเลือด และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรงขึ้น



วิธีปลูก

เพาะเมล็ดในกระถางหรือในแปลงเสียก่อน เมื่อได้ต้นที่แตกใบแล้วจึงถอนมาลงในที่ที่ต้องการปลูก กอละ 2-3 ต้น แล้วเว้นแต่ละกอให้ห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร

ดินที่เหมาะกับการปลูกคือดินทรายพร้อมกับการรดน้ำพอชุ่มและแสงแดด ที่สำคัญดวรหมั่นตัดใบแห้งหรือใบเน่าทิ้งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อต้นขึ้นฉ่ายที่แข็งแรงและสวยงาม

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ขมิ้นชัน (Yellow root zodoary,Turmeric) พืช ผักสวนครัว

ขมิ้นชันเป็นพืชล้มลุก เติบโตได้นานหลายปี มีใบชูขึ้นอยู่ด้านบนซึ่งแตกออกมาจากลำต้นที่เป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน



โดยเหง้านั้นประกอบด้วยแง่งหลัก หรือแง่งแม่ และมีแขนงแตกออกมา มีลักษณะกลมหรือยาว เรียกว่าหัว หรือนิ้วตามลำดับ เมื่อถึงฤดูกาลออกดอกจะออกดอกเป็นช่อสีเหลืองทรงกระบอก



ประโยชน์

นิยมใช้เหง้ามาประกอบอาหารต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการเพิ่มสี่สันและกลิ่นเช่น ข้าวหมกไก่ หมูสะเต๊ะ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพร บรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด และกรดในกระเพาะอาหาร หรือไม่ก็นำไปต้มดื่มเป็นประจำ สามารถแก้อาการนิ่วในถุงน้ำดี และโรคกระเพาะอาหารได้




การปลูก

เตรียมดินที่มีลักษณะร่วนซุย พร้อมกับผสมปุ๋ยคอกไว้ จากนั้นเลือกหน่อขมิ้นชันที่โตพอประมาณที่พอมีใบคลี่กางออกมาแล้วสัก 1-2 ใบ มาปลูกลงในดินโดย 1 กอให้ปลูก 3 หน่อให้ห่างเท่า ๆ กัน จากนั้นรดน้ำให้พอช่ม ไม่ต้องถึงกับแฉะ น้ำขัง



การปลูก ขิง (Ginger) พืช ผักสวนครัว

ขิงเป็นพืชล้มลุก มีอายุหลายปี ลำต้นเหนือดินคล้ายลักษณะของต้นไพล มีใบเขียว เรียวแคบ ปลายใบแหลมและออกดอกเป็นช่อสีเหลือง



เหง้าขิงที่จะเก็บเกี่ยวนั้นต้องเจริญเติบโตอยู่ในดิน มีเปลือกนอกเป็นสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อข้างในสีขาวนวล เมื่อปลูกได้ 5-6 เดือนก็เริ่มได้เก็บเกี่ยวขิงอ่อนแล้ว ถ้าจะเก็บเกี่ยวขิงแก่ ก็ต้องรอให้ขิงมีอายุ 11-12 เดือน โดยวิธีเก็บเกี่ยวขิงควรเก็บตอนที่ดินชุ่มน้ำ แล้วให้ใช้มือถอนขึ้นมาทั้งกอ ขิงจะได้ไม่้หัก

ประโยชน์

มักนิยมเอาเหง้าขิงไปต้มใส่น้ำตาลแล้วดื่ม หรือไม่ก็นำไปคู่กัับขนมหวาน เช่น บัวลอยน้ำขิง หรือเต้า่ฮวย เป็นต้น ใช้เหง้าขิงสด ทุบให้แตก ต้มน้ำดื่ม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือไข้หวัด ไอ คลื่นไส้อาเจียน

วิธีปลูก

ก่อนนำเหง้าขิงลงดิน ให้เลือกขิงที่แก่อายุ่สัก 10-12 เดือน นำมาผึ่งลมให้แห้ง แล้วหั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ ยาวประมาณ 2 นิ้ว โดยให้มีตาติดอยู่ 2-3 ตา

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนปนทราย ผสมปุ๋ยคอกและกากถั่วไว้ จากนั้นให้ขุดหลุมลึกประมาณ 5 เซนติเมตร แล้วนำเหง้าขิงที่เตรียมไว้ลงดิน โดยตั้งด้านที่จะแตกหน่อขึ้น และกลบดินหนา 2-5 เซนติเมตร สุดท้ายใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุม

การปลูก กะเพรา (Holy basil) พืช ผักสวนครัว

กะเพราเป็นพืชผักสวนครัวที่มีความสูงถึง 70 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นพุ่ม ๆ แตกกิ่งก้านได้มาก ที่กิ่งก้านจะมีขน ส่วนของใบมีสีเขียวหรือสีม่วงแดง



ลักษณะของใบที่ขอบใบจะหยิกหยัก ปลายใบแหลม มีกลิ่นหอม เมื่อออกดอกเป็นช่อคล้ายฉัตร ดอกมีขนาดเล็ก ๆ สีขาวหรือขาวอมชมพู




ประโยชน์

ดอกอ่อนและใบ นำมาประกอบอาหารต่าง ๆ ได้ เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นที่ดีขึ้นนอกจากนั้นกินใบกะเพราสด ๆทุกวัน ช่วยขับลมและบรรเทาโรคกระเพาะอาหารได้

วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนซุย ผสมกับขุยมะพร้าวและปุ๋ยคอกไว้ ใช้เมล็ดโรยลงในดิน หรือกิ่งปักชำลงในดิน จากนั้นรดน้ำให้พอชุ่มอย่าให้แฉะจนขัง วันละ 2 ครั้บ เช้า - เย็นหรือเมื่อสังเกตเห็นกะเพราเหี่ยวเฉา

หมันดูแลโดยการให้ปุ๋ยยูเรียสลับกับปุ๋ยชีวภาพ เพื่อเป็นการเร่งใบ และเด็ดดอกทิ้งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันต้นเฉา และตายเร็ว


กระเทียม (Garlic) พืช ผักสวนครัว

กระเทียมเป็นพีชล้มลุกชนิดหนึ่ง ที่นับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย โดยแต่ละปีประเทศไทยมีผลผลิตมารถถึง 9,000 ตัน เลยทีเดียว



ลักษณะทั่วไปของกระเทียมนั้นมีลำต้นที่เป็นหัวมีกลีบเล็ก ๆ สีขาว หลาย ๆ กลีบติดกัน ฝังตัวอยู่ในดิน ส่วนใบอยู่ด้านบนเหนือดินจะมีสีเขียว รูปร่างใบยาว มีความสูงเหนือพื้นดินประมาณ 20 เซนติเมตร



ประโยชน์

ใช้ประกอบอาหารต่าง ๆ เพิ่มความหอม และรสชาติที่เผ็ดร้อนให้อาหารน่ากินยิ่งขึ้น รวมไปถึงช่วยดับกลิ่นคาวของอาหาร นอกจากนี้สามารถกินสด ๆ เป็นสมุนไพร ช่วยในการขับเหงื่อ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และถ้ากินเป็นประจำก็จะดีกับหัวใจ รวมถึงระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด

วิธีปลูก

เตรียมดินที่มีสภาพร่วนปนทราบ พร้อมกับผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไป จากนั้นขุดหลุมให้ลึกลงไปประมาณ 1 เซนติเมตร นำกลีบกระเทียมที่เลือกพันธุ์เอาไว้มาปลูกลงดิน เสร็จแล้วเว้นระยะสัก 15-20 เซนติเมตรจึงปลูกอีกต้น

ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ 3-5 วัน/ครั้ง โดยไม่ต้องรถให้ปฉะเกินไป เสร็จแล้วควรคลุมฟางให้หนาสัก 2-3 นิ้ว เพื่อควบคุมวัชพืช และความชื้นไว้

เพลี้ยไฟ คือศัตรูของกระเทียมให้ป้องกันและกำจัดด้วยสารกำจังเมลงฉีดพ่น เช่น ฑ๊อส หรือเซฟวิน